หัวข้อ   “ภาวะการเงินของผู้ปกครองในช่วงใกล้เปิดเทอม ปีการศึกษา 2556
ผู้ปกครองร้อยละ 72.4 บอกว่าค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนของบุตรเพิ่มจากเทอมก่อนๆ
ร้อยละ 55.6 กังวลว่าจะมีปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
ส่วนนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อยากให้ปรับเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน
ให้สอดคล้องตามความเป็นจริง
 
ดีมาก (5)
ดี (4)
ปานกลาง (3)
พอใช้ (2)
แย่ (1)
 
 
                 ช่วงใกล้เปิดเทอม นับเป็นช่วงเวลาที่แทบทุกครอบครัวต่างมีภาระ
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับ เรื่องการศึกษาของบุตร ไม่ว่าจะเป็น ค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าชุด
นักเรียน ตลอดจนค่าอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
(กรุงเทพโพลล์) จึงได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นเรื่อง “ภาวะการเงินของ
ผู้ปกครองในช่วงใกล้เปิดเทอม ปีการศึกษา 2556”
โดยเก็บข้อมูลจาก
ผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนอยู่ในระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษา ทั้งสังกัดโรงเรียน
รัฐบาล และโรงเรียนเอกชน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล รวมทั้งสิ้น
1,192 คน เมื่อวันที่ 26 -29 เมษายน ที่ผ่านมา สรุปผลได้ดังนี้
 
             1. ค่าใช้จ่ายในเรื่องการเรียนของบุตรในเทอมนี้เมื่อเทียบกับปี
                 ที่ผ่านๆ มา พบว่า


 
ร้อยละ
มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
72.4
มีค่าใช้จ่ายเท่าเดิม
23.9
มีค่าใช้จ่ายลดลง
3.7
 
 
             2. ความเครียดหรือกังวลว่าจะมีปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมของบุตร พบว่า

 
ร้อยละ
เครียดและกังวล
55.6
ไม่เครียดและไม่กังวลเลย
44.4
 
 
             3. เหตุผลหลักที่ทำให้เครียดเรื่องปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม คือ
                 (ถามเฉพาะผู้ที่ตอบว่าเครียดและกังวล โดยตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

 
ร้อยละ
มีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น
84.8
สินค้าเกี่ยวกับการเรียนแพงขึ้น
71.7
รายได้ / รายรับลดลง
45.0
เงินที่รัฐบาลช่วยเหลือไม่เพียงพอ
45.0
ค่าเทอม/ค่าบำรุงโรงเรียนเพิ่มขึ้น
28.7
มีจำนวนบุตรที่ต้องเข้าเรียนเพิ่มขึ้น
11.7
อื่นๆ อาทิ หาเงินคนเดียว ตกงาน เป็นต้น
5.0
 
 
             4. วิธีการที่ผู้ปกครองใช้ในการแก้ปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่าย คือ
                (ถามเฉพาะผู้ที่ตอบว่าเครียดและกังวล โดยตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)

 
ร้อยละ
ทำงานเพิ่มขึ้น
37.9
ลดปริมาณการซื้อเสื้อผ้า / อุปกรณ์ต่างๆ ลงจากที่ตั้งใจไว้
37.0
นำเงินที่สะสมไว้ออกมาใช้
34.0
ใช้เสื้อผ้า /อุปกรณ์การเรียนของปีที่แล้ว
32.6
ขอยืมเงินจากญาติ/ พี่น้อง /เพื่อน
31.4
กู้เงินนอกระบบ
26.9
จำนำทรัพย์สิน
18.5
ขายของมีค่า (เช่น ทอง เพชร เครื่องประดับต่างๆ ฯลฯ)
7.7
อื่นๆ อาทิ ย้ายโรงเรียนที่มีค่าเล่าเรียนถูกกว่า กู้เงินที่ทำงาน ใช้จ่ายประหยัดขึ้น เป็นต้น
4.7
 
 
             5. เมื่อถามถึงความพึงพอใจในการสนับสนุนด้านการศึกษาในปัจจุบันของรัฐบาล พบว่า

กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนความพึงพอใจอยู่ที่ 6.30 คะแนน จาก คะแนนเต็ม 10 คะแนน
 
 
             6. สิ่งที่ควรปรับปรุงมากที่สุด 5 อันดับแรก เกี่ยวกับนโยบายเรียนฟรี 15 ปี คือ
                 (เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง)

 
ร้อยละ
ควรเพิ่มเงินช่วยเหลือค่าชุดนักเรียน รองเท้านักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ให้สอดคล้องตามความเป็นจริง
32.5
ให้คำนึงถึงคุณภาพการเรียนการสอนของครู อาจารย์ ควบคู่ไปด้วย
26.4
ควรจะให้เรียนฟรีจริงๆ ไม่ควรเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆ ตามมา
15.5
ให้เน้นเรื่องการสอนภาษาอังกฤษ ในโรงเรียนโดยไม่คิดเงินเพิ่ม
5.1
ดีอยู่แล้วและเห็นควรให้ทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง
4.4
 
 
             7. เรื่องที่ผู้ปกครองกังวลมากที่สุดในช่วงเปิดเทอมใหม่ที่จะมาถึงนี้ คือ

 
ร้อยละ
คุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียน
27.5
ค่าใช้จ่ายที่ให้ลูกไปโรงเรียนแต่ละวัน
23.1
ความปลอดภัยในการเดินทางของลูก
19.9
ปัญหารถติด
17.5
ลูกไม่อยากไปโรงเรียน
3.0
ไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล
8.8
 
 
รายละเอียดในการสำรวจ
วัตถุประสงค์ในการสำรวจ:
                  เพื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนในระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษา เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย
ในเรื่องค่าเล่าเรียนของบุตรในเทอมนี้เทียบกับที่ผ่านมา ความเครียดเรื่องปัญหาเงินไม่พอกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม
ตลอดจนสาเหตุและวิธีแก้ปัญหา รวมถึงความพึงพอใจในการสนับสนุนด้านการศึกษาของภาครัฐ เรื่องที่นโยบายเรียนฟรี 15 ปี
ที่ควรปรับปรุง และเรื่องที่กังวลในช่วงเปิดเทอมใหม่นี้ ทั้งนี้เพื่อให้สังคมและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบและนำข้อมูลไปใช้
ประโยชน์ต่อไป
 
ระเบียบวิธีการสำรวจ:
                  การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างผู้ปกครองที่มีบุตรเรียนในระดับชั้นอนุบาล – มัธยมศึกษา ที่อาศัยอยู่ในเขต
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยการสุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) โดยสุ่มเขตการปกครอง
ทั้งเขตชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ได้แก่ เขตคลองเตย คลองสามวา ดอนเมือง ดินแดง ดุสิต ตลิ่งชัน ทุ่งครุ บางเขน
บางคอแหลม บางซื่อ บางนา บางพลัด บางรัก บึงกุ่ม ปทุมวัน ประเวศ ป้อมปราบฯ พญาไท พระนคร ภาษีเจริญ ราชเทวี
ราษฎร์บูรณะ สวนหลวง สะพานสูง สาทร หนองแขม และหลักสี่ และปริมณฑล ได้แก่ ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรปราการ จากนั้นจึงสุ่มถนน และประชากรเป้าหมายที่จะสัมภาษณ์อย่างเป็นระบบ ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น 1,192 คน เป็นเพศชาย
ร้อยละ 32.0 และเพศหญิงร้อยละ 68.0
 
ความคลาดเคลื่อน (Margin of Error):
                  ในการประมาณการขนาดตัวอย่างมีขอบเขตของความคลาดเคลื่อน  3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
 
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูล:
                  ใช้การสัมภาษณ์แบบพบตัว (Face-to-face Interview) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลเป็นแบบสอบถาม
ที่มีโครงสร้างแน่นอน ประกอบด้วยข้อคำถามแบบเลือกตอบ (Check List Nominal) และคำถามปลายเปิด (Open Form)
จากนั้นคณะนักวิจัยได้นำแบบสอบถามทุกชุดมาตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ก่อนบันทึกข้อมูล และประมวลผล
 
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูล:  26 - 29 เมษายน 2556
 
วันที่เผยแพร่ผลสำรวจ: 2 พฤษภาคม 2556
 
สรุปข้อมูลพื้นฐานของกลุ่มตัวอย่าง:
ตารางข้อมูลประชากรศาสตร์
 
จำนวน
ร้อยละ
เพศ:    
             ชาย
382
32.0
             หญิง
810
68.0
รวม
1,192
100.0
อายุ:
 
 
             ต่ำกว่า 25 ปี
31
2.6
             26 – 35 ปี
295
24.7
             36 – 45 ปี
560
47.0
             46 ปีขึ้นไป
306
25.7
รวม
1,192
100.0
การศึกษา:    
             ต่ำกว่าปริญญาตรี
932
78.2
             ปริญญาตรี
233
19.5
             สูงกว่าปริญญาตรี
27
2.3
รวม
1,192
100.0
อาชีพ:    
             ข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ
80
6.7
             พนักงาน / ลูกจ้างบริษัทเอกชน
209
17.5
             ค้าขาย / ประกอบอาชีพส่วนตัว
492
41.3
             รับจ้างทั่วไป
234
19.6
             พ่อบ้าน / แม่บ้าน / เกษียณอายุ
145
12.2
             อื่นๆ เช่น อาชีพอิสระ ว่างงาน
32
2.7
รวม
1,192
100.0
ประเภทของโรงเรียนที่บุตรศึกษาอยู่:    
             โรงเรียนรัฐบาล
793
66.5
             โรงเรียนเอกชน
344
28.9
             โรงเรียนรัฐบาลและเอกชน
55
4.6
รวม
1,192
100.0
 
ติดตามกรุงเทพโพลล์ผ่าน twitter ได้ที่  twitter bangkokpoll
Download PDF file:  
 
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
Email: bangkokpoll@bu.ac.th      โทร. 0-2350-3500 ต่อ 1770-1776